สหกรณ์วัดจันทร์แห่งแรกประเทศไทย
สหกรณ์แห่งแรกของไทย
พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย คือ พระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์
หลังจากที่ได้มีการสำรวจพื้นที่และฐานะเศรษฐกิจของราษฎร ทั้งยังได้เตรียมเรื่องการจัดหาทุนจากแบงก์สยามกัมมาจล เพื่อที่จะตั้งขึ้นให้กู้ยืมแล้ว ทางราชการจึงเห็นควรให้มีการทำให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนด้วย ทั้งยังเห็นว่าการที่จะให้สหกรณ์ที่ตั้งขึ้นใหม่มีกฎหมายเฉพาะยังไม่สมควร เพราะยังไม่ทราบว่าจะมีผลเป็นอย่างไร จึงให้ใช้พระราชบัญญัติสมาตมที่มีอยู่แล้วแต่นำมาปรับปรุงใหม่เพื่อให้สามารถคุ้มครอง และสำหรับจดทะเบียนสหกรณ์ที่จะตั้งขึ้นใหม่ได้ จึงได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติเพิ่มเติมสมาคม พ.ศ. 2459 จากนั้นได้มีการรับจดทะเบียนขึ้นเป็นครั้งแรก คือ สหกรณ์วัดจันทร์ ไม่จำกัดสินใช้ เลขที่จดทะเบียน 1/1 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2459 ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลวัดจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เมื่อแรกตั้งมีจำนวนสมาชิก 16 คน ดังรายนามดังนี้
-
- กำนันชุ่ม ใจสุกใส
- นายกริบ ดีรักษา
- นายชิด นาดอภิ
- นางบุญ เกษน้อย
- นายบุญ ดีรักษา
- นายขอม ปานภู่
- นายสาน สานุ่ม
- นางลัง มีพยุง
- นายกร่าง ทับผึ้ง
- นายยอด สานุ่ม
- นายวิง มีพยุง
- นายแป๊ะ มีพยุง
- นายบุญ เกษน้อย
- นายหลี เยน่า
- นายพราม ไม่ระบุนามสกุล
- นายแต้ม จั่นตอง
ซึ่งในจำนวนทั้ง 16 ท่านนี้ ผู้ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นผู้ลงลายมือชื่อในหนังสือของนายทะเบียนสหกรณ์ 10 ท่าน และเป็นกรรมการชุดแรกของสหกรณ์วัดจันทร์ ไม่จำกัดสินใช้ ดังนี้
-
- กำนันชุ่ม ใจสุกใส
- นายชิด นาดอภิ
- นายกริบ ดีรักษา
- นายบุญ เกษน้อย
- นายเอม ปานภู่
- นายสาน สานุ่ม
- นายพราม ไม่ระบุนามสกุล
- นายแต้ม จั่นตอง
- อำแดงบุญ ไม่ระบุนามสกุล
- นายบุญ ดีรักษา
ทุนจดทะเบียนเมื่อแรกตั้ง จำนวน 3,080 บาท
-
- เงินกู้แบงก์สยามกัมมาจล(ธนาคารไทยพาณิชย์) 3,000 บาท
- ค่าหุ้น 80 บาท
เงินกู้ที่ได้จากแบงก์สยามกัมมาจลเป็นเงิน 3,000 บาทนั้นธนาคารได้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 6 บาทต่อปี สหกรณ์ให้สมาชิกกู้เต็มจำนวน โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 12 บาทต่อปี กำหนดให้สมาชิกส่งคืนต้นเงินกู้ในปี 2460 เป็นจำนวนเงิน 1,300 บาท ปรากฏว่าเมื่อสิ้นปี 2460 สมาชิกส่งคืนเงินกู้ได้จริง 1,500 บาท ทั้งดอกเบี้ยได้เต็มทุกรายและในปี 2459 การทำนาของสมาชิกเคยได้ 83.5 เกวียน แต่ปี 2460 ได้ข้าวถึง 125 เกวียน ปริมาณข้าวที่ได้เพิ่มขึ้นนี้ แม้จะไม่มากนัก แต่เป็นสิ่งบอกเหตุได้ว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตได้ ทั้งนี้เนื่องจากในปีแรกสมาชิกได้กู้เงินไปใช้หนี้เก่าเป็นส่วนใหญ่ คงเหลือเงินกู้ไว้เพื่อการประกอบอาชีพเพียงเล็กน้อย ดังนั้นหากสมาชิกหมดหนี้สินที่ผูกพันไว้แล้วมีเงินสำรองซื้อสัตว์พาหนะหรือซื้อที่ดินเพิ่มเติมก็จะทำให้มีกำลังใจในการประกอบอาชีพมากขึ้น
ผลการตั้งสหกรณ์วัดจันทร์ ไม่จำกัดสินใช้ จึงไม่พียงแต่จะอำนวยประโยชน์ให้กับสมาชิก ซึ่งอาจวัดได้ด้วยจำนวนเงินที่สมาชิกเป็นหนี้ลดน้อยลงเท่านั้น ยังวัดได้จากการทำนาได้ผลมากขึ้นด้วย ประโยชน์ที่สำคัญยิ่งที่วัดได้ยากนั้น ได้แก่ ความเข้าใจในการทำงาน ช่วยกันคิด ช่วยกันรักษาทรัพย์ และร่วมกันคิดทำมาหากิน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องการเป็นอย่างยิ่ง
ปรากฏว่าเมื่อการจัดตั้งสหกรณ์วัดจันทร์ ไม่จำกัดสินใช้เป็นผลดี จึงได้มีการจัดตั้งสหกรณ์หาทุนในเขตตำบลต่างๆ ของอำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลกเพิ่มขึ้น จำนวน 49 สหกรณ์ ดังนี้
-
- *สหกรณ์จัดหาทุนที่ตั้งขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2459-2469 จำนวน 18 สหกรณ์
- *สหกรณ์จัดหาทุนที่ตั้งขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2470-2479 จำนวน 13 สหกรณ์
- *สหกรณ์จัดหาทุนที่ตั้งขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2480-2489 จำนวน 7 สหกรณ์
- *สหกรณ์จัดหาทุนที่ตั้งขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2490-2499 จำนวน 11 สหกรณ์
สหกรณ์แห่งแรกของไทย
*ปี พ.ศ.2469
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเข้าอยู่หัวทรงมีความสนพระทัยการสหกรณ์เป็นอย่างยิ่ง ในโอกาสที่ได้เสด็จไปทอดพระเนตรการประชุมใหญ่ของสหกรณ์บ้านดอน ไม่จำกัดสินใช้ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2469 ณ วัดบางพระยา อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีพระยาพิพิธสมบัติ (ตาบ ภุวานนท์) ปลัดทูลฉลองกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ดำรงตำแหน่งนายทะเบียนสหกรณ์ ได้นำสมุดข้อบังคับ บัญชีและเอกสารต่างๆของสหกรณ์ทูลเกล้าถวายเพื่อทอดพระเนตรทั้งยังประทับฟังการประชุมของสหกรณ์ด้วยความสนพระทัยจนสิ้นกระแสความ ทรงพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง และทรงมีพระบรมราโชวาทพระราชทานแก่สมาชิกสหกรณ์ในครั้งนั้น
ในโอกาสเดียวกันนั้น ได้ทรงบันทึกพระราชหัตถเลขาในสมุดบันทึกการตรวจราชการของสหกรณ์บ้านดอน ไม่จำกัดสินใช้
ศาลาการประชุมคณะกรรมการและสมาชิกของสหกรณ์วัดจันทร์
ไม่จำกัดสินใช้ ก่อนควบสหกรณ์ (ปัจจุบันอยู่ ณ.วัดจันทร์ตะวันออก)
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินี ทอดพระเนตรการประชุมของสมาชิกสหกรณ์บ้านดอน ไม่จำกัดสินใช้ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2469